05.00 สมาชิกทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4
เคาน์เตอร์ S สายการบินฟินน์แอร์ เจ้าหน้าที่คอยดูแลเช็คสัมภาระและบัตรที่นั่งบนเครื่อง
08.15 เหิรฟ้าสู่ กรุงเฮลซิงกิ โดยสายการบินฟินแอร์ (Finn Air) เที่ยวบินที่ AY 142
15.30 เดินทางถึง กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว เดินทางถึง กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้วจากนั้น นำทุกท่านเดินทางเข้าสู่ “กรุงเฮลซิงกิ” (HELSINKI) ซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบ ผสมผสานระหว่างสวีดิชและรัสเซีย เจ้าของสมญานาม “ธิดาสาวแห่งทะเล บอลติก” อิสระเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร / นำท่านเดินทางสู่ที่พัก
05.00 เดินทางสู่สนามบินเฮลซิงกิ (บริการอาหารเช้าแบบกล่อง)
07.25 ออกเดินทางสู่ เมืองเรคยาวิค (Reykjavik) โดยสายการบินฟินน์แอร์ (Finnair) เที่ยวบินที่ AY 991
09.20 เดินทางถึง สนามบินเคฟลาวิก เมืองเรคยาวิค Reykjavik เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เส้นทางวงแหวนทองคำ Golden Circle เส้นทางธรรมชาติ มรดกโลก เข้าสู่บริเวณอุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Thingvellir National Park) ทางองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมในปี ค.ศ.2004 ชมจุดบริเวณที่เคยเป็นเป็นรัฐสภา หรือสถานที่แสดงความคิดเห็นและคัดเลือกผู้นำของชาวไอซ์แลนด์ มาตั้งแต่ปี ค.ศ.930 และเป็นพื้นที่ ที่ได้การยอมรับว่ามีธรรมชาติที่สวยงามของไอซ์แลนด์แห่งหนึ่ง เดินผ่านรอยแตกร้าวของของโลกที่มีความลึกลงสู่ใต้ดินถึง 14 เมตร ที่เกิดจากแผ่นดินไหว เมื่อปี ค.ศ. 1784 และทุกๆ ปีรอยแตกนี้ก็จะขยายออกไปอีกถึงปีละ 1 เซนติเมตร นำท่านชมทะเลสาบ Pingvallavatn ทะเลสาบธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย หลังอาหารเดินท่างสู่น้ำพุร้อนกีย์เซอร์ (Geysir Geothermal Park) ชมบ่อน้ำพุ “สโทรคูร์” (Strokkur) ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ สโทรคูร์จะปะทุทุก 5-10 นาที โดย สูงจากพื้น 20-40 เมตร จากนั้นเดินทางสู่น้ำตกกูลฟอสส์ (GullFoss) หรือ ‘น้ำตกทองคำ’ ที่มีความสวยงามที่สุด และใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์
น้ำตกอันงดงามไหลมาจาก “แม่น้ำฮวิตา” (Hvitá River) ไหลจากธารน้ำแข็ง‘ลางโจกุล’ (Langjökull) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของไอซ์แลนด์ ก่อนจะลดหลั่นลงมา 32 เมตร จากนั้นเดินทางสู่ “เคริด” (Kerid) ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟแห่งนี้มีสีแปลกตา ตั้งอยู่ในวงกลมทองคำ เคริดมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ดวงตาของโลก” มีอายุ 3,000 ปี หินภูเขาไฟที่มีแร่เหล็กเรืองแสงเป็นสีแดง ทะเลสาบด้านในเป็นสีน้ำเงินอมน้ำเงินจากแร่ธาตุ และพืชพรรณเขียวชอุ่มแผ่กระจายไปทั่วภูมิประเทศเป็นลักษณะที่หาชมได้ยากมาก จากนั้นแวะชม “น้ำตกเซลยาลันส์ฟอส” (SeljalandsFoss) น้ำตกเซลยาลันส์ฟอสส์เป็นน้ำตกที่สูงตระหง่านถึง 62 เมตร นอกจากนี้ยังเป็นเอกลักษณ์และอาจอยู่ในรายชื่อ 10 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่มีการถ่ายภาพมากที่สุดในไอซ์แลนด์ ซึ่งไหลมาจากแม่น้ำสโกก้า ลักษณะเด่นที่สุดของเซลยาลันส์ฟอสส์คือทางเดินที่ทอดยาวไปรอบๆ หน้าผาด้านหลังน้ำตกมีถ้ำกว้าง มีโขดหินและเส้นทางที่สามารถเดินชมได้เต็มที่ในฤดูร้อน
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร ณ โรงแรมที่พัก
เช้า บริการอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารเดินทางสู่ “อาร์นาร์ดรังกูร์” (Arnardrangur) หรือ ‘Eagle Rock’ ในดีร์โฮเลย์ ที่เรียกหินนี้ว่า ‘Eagle Rock’ เพราะนกอินทรีเคยทำรังอยู่จำนวนมาก ชมวิวที่เลื่องชื่อด้านทัศนียภาพอันตระการตาของชายฝั่งคาบสมุทรดีร์โฮเลย์ และความอุดมสมบูรณ์ของนกนานาพันธุ์ ประทับใจกับทัศนียภาพของซุ้มประตูหินของดีร์โฮเลย์ ซุ้มหินขนาดใหญ่สูง 100 เมตร เป็นผลมาจากการกัดเซาะหลายศตวรรษ จากนั้นเดินทางสู่จุดชมวิว “ทุ่งลาวาเอลดราอุน” (Eldhraun Lava Field) หรือ “ทุ่งลาวาไฟ” ขึ้นชื่อว่าเป็นทุ่งลาวาที่ใหญ่ที่สุดในโลก เกิดจากปะทุที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งที่บันทึกไว้ นั่นคือการปะทุของภูเขาไฟลาไค (Laki) ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ช่วงเวลาสองปีระหว่างปี 1783-1784 ทุ่งลาวาไฟมีเนื้อที่ 565 ตารางกิโลเมตร
จากนั้นเดินทางสู่จุดชมวิวธารน้ำแข็ง “สกีดาราโจกูล” ชมเศษซากของสะพานสกีดารา สะพานที่เคยเป็นช่วงที่ยาวที่สุดในไอซ์แลนด์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของถนนวงแหวน คานสะพานที่บิดเป็นเกลียวจากการถูกพัดพาไปโดยความร้อนจากภูเขาไฟและน้ำท่วมจากธารน้ำแข็ง มีฉากด้านหลังเป็นที่ราบสกีดาราซานดูร์ (Skeiðarársandur) ซึ่งเป็นที่ราบทรายภูเขาไฟสีดำที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมองเห็นธารน้ำแข็งสกีดาราราโจกุล (Skeiðarárjökull) และธารน้ำแข็ง สวินาเฟลล์สโจกุล (Svinafellsjökull) อย่างสวยงามใชัดเจน
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย หลังอาหารเดินทางสู่ “โจคูซาลอน” (Jökulsárlón Lake) ทะเลสาบธารน้ำแข็งที่มีชื่อเสียงที่สุดของไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้อย่างสะดวกโดยทางหลวงวงแหวนหมายเลข 1 ประมาณกึ่งกลางระหว่างเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell Nature Reserve) และเฮิฟน์ (Höfn) โจกุลซาลอนเป็นทะเลสาบที่เต็มไปด้วยน้ำที่ละลายจากธารน้ำแข็งทางออก จากธารน้ำแข็ง ‘เบรดาเมร์คูร์โจกุล’ (Breiðamerkurjökull) ซึ่งเป็นลิ้นน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปจากธารวาทนาโจกุล เมื่อภูเขาน้ำแข็งเคลื่อนตัวข้ามทะเลสาบในที่สุดลอยออกไปในทะเลและถูกซัดขึ้นฝั่ง จนกลายเนื่องจากความแวววาวบนหาดทรายสีดำของ ‘เบรดาเมร์คูร์ซานดูร์’ (Breiðamerkursandur) ทำให้บริเวณนี้ได้รับฉายาว่า 'หาดทรายเพชร' (Diamond Beach) สมควรแก่เวลา เดินทางกลับสู่ที่พัก
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
21.00 นำท่าน ตามล่าหาแสงเหนือ (Northern lights) หรือ แสงออโรร่า (Aurora borealis) โดยรถโค้ช (มีฮีทเตอร์) คนขับรถผู้ชำนาญจะนำท่านไปยังจุดที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือมากที่สุดใช้เวลา ประมาณ 3 ชั่วโมง แสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่จะปรากฏในตอนกลางคืนยามที่ท้องฟ้าโปร่ง ในช่ วง หน้าหนาวเท่านั้น ซึ่งแสง
ออโรร่า (Aurora borealis) จะปรากฎเป็นแสงสีเขียวที่พาดผานท้องฟ้ายามค่่าคืน *** การพบเห็นปรากฏการณ์แสงเหนือ เป็นปรากฏการณ์ทาง ธรรมชาติไม่สามารถกำหนดหรือทราบล่วงหน้าได้โอกาสที่จะได้เห็นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศเป็นสัาคัญ และ โปรแกรมอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ***
เช้า บริการอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารเดินทางสู่นำท่านเปลี่ยนการเดินทางเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD Super Jeep) เดินทางสู่ถ้ำน้ำแข็งคัทลา (Katla Ice Caves) ตั้งอยู่บริเวณภูเขาไฟคัทล่าที่ดับลงแล้วที่ใต้ธารน้ำแข็งไมดาลโจคูล ชมวิวทิวทัศน์ที่แปลกตาระหว่างทางของทุ่งลาวา เดินทางถึงจุดจอดรถ ไกด์ท้องถิ่นจะเตรียมรองเท้าตะข้อและหมวกกันน็อค ให้กับทุกท่าน เพื่อการเดินท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย นำท่านเดินสู่บริเวณปาก'ถ้ำธารน้ำแข็ง' เข้าชมถ้ำน้ำแข็งคัทลา ที่มีอายุกว่า 800 ปี เป็นถ้ำน้ำแข็งธรรมชาติแห่งเดียวที่เข้าถึงได้ตลอดทั้งปีและอยู่ใกล้เมืองเรคยาวิกที่สุด วิวภายในถ้ำน้ำแข็งนั้นงดงามด้วยการผสมผสานของสีของน้ำแข็ง และมีโอกาสได้เห็นน้ำแข็งสีดำที่เกิดจากเถ้าถ่านสีดำจากการระเบิดของภูเขาไฟครั้งก่อน นำทางโดยไกด์ท้องถิ่นผู้ชำนาญเส้นทางเก็บภาพความงดงามอย่างจุใจ
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย หาดทรายดำ ‘เรย์นิสฟายาร่า’ (Reynisfjara) หาดทรายสีดำที่ก่อตัวขึ้นเมื่อลาวาเย็นตัวลง จากภูเขาไฟคัทลาอันโด่งดังได้ปะทุขึ้นเมื่อหลายศตวรรษก่อน บริเวณชายหาดเรย์นิสฟยาร่าซึ่งเป็นที่ตั้งของกลุ่มหิน “เรนิสแดรงการ์” (Reynisdrangar) ซึ่งเป็นเสาหินหินบะซอลต์สูงตระหง่านออกมาจากมหาสมุทรสูง 66 เมตร ที่ปลายสุดของหาดทรายสีดำที่ทอดยาวสุดสายตา แฟนๆ ของซีรีย์ Game of Thrones อาจรู้จักเสาหินบะซอลต์ที่โดดเด่นและทรายสีดำใช้ที่นี่เป็นฉากของ 'North of the Wall' นอกจากนี้ยังปรากฏใน Vikings, A Star Wars : Rogue One จากนั้นเดินทางสู่ “น้ำตกสโกกาฟอสส์” (Skogafoss) ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านเล็กๆ ของสโกการ์ ทางใต้ของภูเขาไฟธารน้ำแข็งเอยาฟยาลลาโจกุล น้ำตกสโกกาฟอสส์ มีความสูงถึง 60 เมตรและกว้าง 25 เมตร ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพราะน้ำตกนี้มาจากธารน้ำแข็งสองแห่งโดยตรง คือ เอยาฟยาลลาโจกุลและไมร์ดาลสโจกุล ถือเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์ เดินทางสู่เมืองเซลฟอสส์
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
เช้า บริการอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารนำท่านร่วมกิจกรรมขับสโนว์ โมบิล(Snow Mobile) โดยเดินทางไปยังธารน้ำแข็งลางโจกุลด้วยรถ Super Jeep แบบเศษซึ่งเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสู่แคมป์ฐานธารน้ำแข็ง รับอุปกรณ์สำหรับสโนว์โมบิลที่จำเป็นทั้งหมด รวมถึงชุดสโนว์โมบิล ถุงมือ ไหมพรม และหมวกนิรภัยสำหรับการขี่สโนว์โมบิล ไกด์มืออาชีพที่นำขับสโนว์โมบิลจะแสดงวิธีบังคับสโนว์โมบิลอย่างปลอดภัย ธารน้ำแข็งลางโจกุลเป็นที่ตั้งของหลุมอุกกาบาตภูเขาไฟที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งขนาดมหึมาหลายแห่ง ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาไฟตั้งตระหง่านและตั้งอยู่ในพื้นที่ภายในที่สวยงามของไอซ์แลนด์ มุมมองจากด้านข้างของลางโจกุลนั้นน่าทึ่งทีเดียวเพราะสามารถมองเห็นที่ตั้งของธารน้ำแข็ง Eiríksjökull ภูเขาที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์ตะวันตก ธารน้ำแข็ง Hofsjökull รูปโดม และเทือกเขา Kerlingafjöll ได้ในระยะไกล
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำท่านสู่ “กรอตตา’ (Grótta) เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่ปลายคาบสมุทรเซลต์ยาร์นาร์เนส (Seltjarnarnes Peninsula) ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของพื้นที่เกรเทอร์เรคยาวิก ชม ‘ประภาคารกรอตตา’ หนึ่งในประภาคารที่เก่าแก่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ปัจจุบัน กรอตตา เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุด ซึ่งดึงดูดทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้งปี
*** จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ บ่อน้ำร้อน บลู ลากูน Blue Lagoon ซึ่งเป็นบ่อน้ำร้อนซึ่งเต็มไปด้วยแร่ธาตุมากมาย อาทิ ซิลิกา, พืชทะเล, โคลนซิลิกา, ฟลูออรีน, โซเดียม โปตัสเซียม, แคลเซี่ยม, ซัลเฟต, คลอรีน, คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น นอกจากนั้นภายในบ่อน้ำร้อนบูลลากูนยังมีเกลือแร่ซึ่งจะช่วยให้ท่านผ่อนคลาย และรักษาโรคที่เกี่ยวกับผิวหนังได้ และยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งอีกด้วย ท่านจะได้สัมผัสกับความสบายตัว จากการลงแช่และอาบน้ำในบ่อน้ำร้อนบูล ลากูน (พิเศษ…ทาง บลู ลากูน ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ในการเข้าใช้บริการไว้ให้เรียบรอยแล้ว อาทิ ครีมทาผิว, รองเท้าแตะ และผ้าขนหนู ให้ทางมีเวลาผ่อนคลายกับการแช่น้ำแร่อย่างจุใจ)
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
เช้า บริการอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารเดินทางสู่เมือง ‘กรุนดาร์ฟยอร์ดูร์’ (Grundarfjörður) ซึ่งเป็นเมืองประมงเล็กๆ ที่เจริญรุ่งเรืองทางตอนเหนือของคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส ตั้งอยู่ระหว่างทิวเขาสูงและทะเล ชม ภูเขาเคิร์กจูเฟล (Kirkjufell) หรือ 'Church Mountain' เป็นยอดเขาที่มีรูปร่างโดดเด่น ซึ่งพบได้บนชายฝั่งทางเหนือของคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสของไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของไอซ์แลนด์ (West Iceland) หนึ่งในสถานที่ถ่ายภาพทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไอซ์แลนด์ ในมุมมองยอดเขารูปกรวยคว่ำ มีน้ำตกและธารน้ำรายรอบ เป็นภาพสัญลักษณ์ของ ประเทศไอซ์แลนด์ก็ว่าได้ ภูเขาลูกนี้มีความสูงประมาณ 463 เมตร ยิ่งไปกว่านั้น สีสันของเคิร์กจูเฟลล์ จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลที่ผ่านไป ฤดูร้อนมองเห็นเป็นสีเขียวชอุ่ม เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ในขณะที่ฤดูหนาวก็ปกคลุมไปด้วยหิมะแน่นอนว่าภายใต้ดวงอาทิตย์เที่ยงคืนนั้นน่าประทับใจยิ่งกว่าในช่วงเดือนมิถุนายน และภายใต้แสงเหนือ ซึ่งเห็นได้ดีที่สุดระหว่างเดือนกันยายนถึงเมษายน
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางกลับกรุงเรคยาวิค / นำท่านชมโบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja) โบสถ์นิกายลูเทอรัน ในกรุงเรคยาวิก มีความสูง 73 เมตร เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ เริ่มก่อสร้างในปี 1945 ใช้เวลาสร้างถึง 38 ปีจึงสำเร็จในปี 1986 นำท่านเก็บภาพอาคาร (Hofdi House) ที่ใช้ประชุมผู้นำระหว่างประธานาธิบดีเรแกน กับประธานาธิบดีกอบอชอฟ ในการประชุมสุดยอดเมืองเรคยาวิกปี 1986 ช่วงสมัยสงครามเย็น จากนั้นนำท่านเก็บภาพซัน โวยาเจอร์ (Sun Voyager) สัญลักษณ์ของเสรีภาพ เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของกรุงเรคยาวิค เก็บภาพอาคารฮาร์ป้า (Harpa Concert Hall) ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดทางสถาปัตยกรรม ในปี 2013
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
เช้า บริการอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือ ล่องชมปลาวาฬ (Reykjavik Whale Watching) ซึ่งท่านจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ในการชมสัตว์ทางท้องทะเล ซึ่งท่านจะได้พบกับนกทะเลชนิดต่างๆ มากมาย รวมไปถึงปลาวาฬนานาพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ Killer Whale (Orca), Minke Whale Humpback Whale นอกจากนั้น ท่าจะมีโอกาสได้พบกับความน่ารักของปลาโลมา Dolphin ซึ่งจะมาว่ายน้ำหยอกล้อท่านอยู่ข้างเรืออย่างมากมาย ถือเป็นความน่ารักและความงดงามทางธรรมชาติซึ่งมีเฉพาะในดินแดนแถบนี้เท่านั้น (บนเรือมีชุดกันหนาวบริการ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในกรณีที่เรือยกเลิกให้บริการอันเนื่องมาจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย) นำท่านเดินทางกลับเมืองเรคยาวิก
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เดินทางกลับเมืองเรคยาวิก นำท่านขึ้นลิฟต์สู่ชั้นบนสุดของตึกพาลาน(Perlan) เป็นตึกสไตล์โมเดิร์น ที่มีภัตตาคารอยู่ด้านบนให้ท่านชมวิวทิวทัศน์ของกรุงเรคยาวิคอย่างเต็มที่แบบ 360 องศา จากนั้นอิสระเลือกซื้อหาสินค้าท้องถิ่นเป็นของที่ระลึก ชมย่านถนนคนเดินที่สองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารสวยๆ เรียงรายไปด้วยสินค้าพื้นเมืองและแบรนด์ต่างๆ อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย ในย่านถนนคนเดิน หรือห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
เช้า บริการอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม
สมควรแก่เวลา / จากนำท่านสู่สนามบินเคฟลาวิก (Keflavik International Airport) กรุงเรคยาวิก
10.15 ออกเดินทางสู่กรุงเฮลซิงกิ โดยเที่ยวบิน AY992
15.40 เดินทางถึงสนามบินเฮลซิงกิ (เวลาที่ไอซ์แลนด์ ช้ากว่า เฮลซิงกิ 2 ชั่วโมง) ให้ท่านได้อิสระเลือกช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ณ “Stockmann Department Store” ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้า ได้ตามอัธยาศัย หรือ อิสระเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
เช้า บริการอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม/อิสระทุกท่านตามอัธยาศัย
13.45 เหิรฟ้ากลับสู่กรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ โดยสายการบินฟินแอร์ Finn Air เที่ยวบินที่ AY141
05.25 เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ / โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
2721/1 ถนน พระรามสี่ แขวง คลองเตย เขต คลองเตย จังหวัด กรุงเทพมหานคร 10110 กรุงเทพมหานคร 10110